ประชุมเพื่อชี้แจงแนวทางการปฏิบัติของการขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ
สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดประชุมเพื่อชี้แจงแนวทางการปฏิบัติของการขอใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ
ในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในวันจันทร์ ที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๔ เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ ห้องประชุม
พญาพิศาลฮ่องสอนบุรี ชั้น ๒ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยมีนายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานในที่ประชุม
ทั้งนี้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ ให้ส่วนราชการที่เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาต ยื่นคำขออนุญาตภายใน ๑๘๐ วัน นับตั้งแต่ ครม. ให้ความเห็นชอบ (ภายใน วันที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๓) ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน มีส่วนราชการยื่นคำขอใช้พื้นที่ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน ๔,๙๑๖ คำขอ คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๔๑ ของคำขอเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าไม้ก่อนได้รับอนุญาตของทั้งประเทศ ให้ส่วนราชการที่ยื่นคำขอ จัดเตรียมรายละเอียดประกอบคำขอให้ถูกต้อง ครบถ้วน ให้กับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด หรือ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่โดยเร่งด่วน
โครงการตามงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๖๕๖๕ ที่เป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับงบลงทุน การก่อสร้างอาคาร สำนักงาน หรือโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้ยื่นคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ (ยื่นคำขอที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด) ดังนี้
การยื่นขอใช้พื้นที่ตามกฎหมาย
ตามมาตรา ๑๓/๑ แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๗ สำหรับการเข้าทำประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ปฏิบัติงานหรือเพื่อประโยชน์อย่างอื่นของรัฐ เช่น สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน (ถนน/ไฟฟ้า/ประปา) ให้ยื่นแบบคำขอ ปส.๑๗ พร้อมเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้อง
ตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๐๗ สำหรับการเข้าทำประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล หรือตามกฎหมายว่าด้วยคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ศาสนสถาน การจัดการขยะ และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ให้ยื่นแบบคำขอ ปส.๒๐ พร้อมเอกสารประกอบที่เกี่ยวข้อง
ให้หน่วยงานที่ต้องการขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ฯ จัดทำคำขอพร้อมเอกสารประกอบ โดยยื่นคำขอที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ภายในวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔